zaterdag 19 maart 2016

เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร?



Afbeeldingsresultaat voor รูปวัดพระธรรมกาย

เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร ?

               ขึ้นต้นหัวเรื่องด้วยคำพูดแบบนี้  ดิฉันตอบได้เลยว่าชาววัดพระธรรมกายที่เหนียวแน่นพร้อมไปด้วยความรักและความศรัทธาอย่างไม่เคยเสืื่อมคลายไปจากใจนั้น จะสามารถตอบได้เหมือนกัน และมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตตัวเองนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ทำไม?ดิฉันถึงยืนยันด้วยความมั่นใจและหนักแน่น ก็เพราะสิ่งนี้มันได้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเองและกับคนในครอบครัวของดิฉันนั่นเอง
               จากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่อยู่กับครอบครัวที่ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะเป็นน้องคนเล็กของบ้าน แต่เมื่อต้องออกมาใช้ชีวิตใหม่ในกรุงเทพฯ เพราะเข้ามาเรียนต่อ กลายเป็นคนที่หวาดกลัวทุกอย่าง เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตและสิ่งแวดล้อมของตัวเองอย่างไร คิดไม่เป็น ขาดความมั่นใจอย่างสูง ไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรเลยเพราะกลัวไม่กล้าตัดสินใจ
              เมื่อวันหนึ่งชีวิตผกผัน ให้ได้เดินทางมาใช้ชีวิตใหม่ในยุโรป อาการเหล่านี้ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ชีวิตใหม่ได้เรียนรู้และฝึกหัดตนกับคนข้างกายและครอบครัวที่อบอุ่น มีคนข้างกายและแม่เป็นต้นแบบให้ได้เรียนรู้กับชีวิตใหม่ ทั้งวัฒธรรมใหม่ ญาติใหม่ ครอบครัวใหม่ การปรับตัวต่างๆ เป็นต้น หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับวัดและกิจกรรม แต่ถึงจะใช้ขีวิตส่วนใหญ่อยู่กับวัด แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สาธุชนอย่างดิฉันยังได้ชื่อว่ามีอวิชชามากกว่ามีวิชชา ยังเป็นชาวพุทธที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่ว่าทำไมเราต้องเกิดมา และเกิดมาเพื่ออะไร? ซึ่งคำถามเหล่านี้มีมานานตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และหลักฐานนั้นปัจจุบันก็ยังมีอยู่ไว้เป็นหลักฐานยืนยัน เพราะได้จดไว้ในหนังสือเรียน ความไม่รู้ทำให้ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกไปตามสถานการณ์นั้นๆ 
               จนกระทั่งวันหนึ่งได้รู้จักวัดพระธรรมกาย และเริ่มเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของวัด แต่การเข้าวัดก็ยังค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีเพื่อนๆ หรือใครๆ เข้าวัดพระธรรมกายตามดิฉันเลย ก็เลยลุ่มๆ ดอนๆ เกิดกำลังใจก็ไป ท้อใจ น้อยใจก็ไม่ไปแบบนี้เป็นต้น
                จนจิตใจได้ซึมซับคุณธรรมความดีงามต่างๆ จากคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง คือ พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโว พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองท่านได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจสั่งสอนศิษย์เสมอมา อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากใดๆ ความเป็นครูหัวใจพระโพธิสัตว์ของหลวงพ่อทั้งสองนั้น เกิดมาในชีวิตไม่เคยพบเจอว่าจะมีบุคคลเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ไม่เคยพบเจอว่าจะมีบุคคลผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรมมาสั่งสอนตัวเราได้เหมือนท่านทั้งสองนี้อีกแล้ว สิ่งที่เคยสงสัยและเสาะหาคำตอบนั้นได้สิ้นสงสัยเมื่อมาเข้าวัดพระธรรมกายนี่เอง รู้สึกว่าตัวเองได้กลับบ้านที่พลัดพรากจากมานานแสนนานเสียที ทุกอย่างทุกเรื่องเข้าใจชัดเจน ว่าทำไม? อะไร? อย่างไร? จนทำให้นิสัยต่างๆ ที่บกพร่อง เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองสอนให้ศิษย์มองสำรวจความไม่ดีของตนเองก่อน ก่อนท่ีจะมองของผู้อื่น ดิฉันก็เริ่มพบสิ่งที่บกพร่องของตนเองท่ี่ปฏิบัติต่อคนในบ้าน พบนิสัยความเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ในบ้านนั้นเพียบเลย จะผิดหรือถูกฉันต้องถูกไว้ก่อน นิสัยเจ้าอารมณ์ถ้าคนในบ้านไม่ตามใจ จำๆ เรื่องในบ้านที่เราไม่พอใจจนทุกข์เหล่านี้เป็นต้น เมื่อได้ฟังธรรมะจากคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโวท่ี่ได้พร่ำสอน ทำให้นึกถึงโอวาทของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสว่า "บุคคลท่ี่ตักเตือนเรานั้น เปรียบเหมือนท่านได้ยื่นขุมทรัพย์มหาศาลให้กับเรา"  ใช่เลยค่ะ ดิฉันพบครูดีแห่งทางธรรมแล้ว และไม่คิดจะไปไหนอีกเลย

               เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร?  คำตอบนี้ขอตอบเป็นข้อๆ แล้วกันนะคะ คือ..

๑. มีเหตุผลมากขึ้น

๒. เข้าใจคนข้างกายมากขึ้น และคนในครอบครัวมากขึ้น

๓. นิสัยในบ้านใจเย็นมากขึ้น (เพราะนิสัยนี้จะเป็นเฉพาะกับคนในบ้านเท่านั้น) กับคนนอกบ้านไม่เป็น กับคนนอกบ้านจะเป็นนิสัยที่ตรงกันข้าม ราวฟ้ากับเหวเลยค่ะ

๔. เข้าใจพ่อแม่มากขึ้น รักพ่อแม่มากขึ้น จากที่เข้าใจแม่ผิดมาตลอด

๕. เมื่อเงินเดือนออก จากที่เคยซื้อสิ่งที่ต้องการก่อน แล้วทำบุญทีหลัง ดิฉันทำบุญบ่อย ทำเกือบจะทุกบุญ แล้วก็ภูมิใจว่าเราทำบุญใหญ่ๆ ครบหมดแล้ว สบายแล้วเรา ไม่ไปนรกแน่นอนเพราะทำบุญเยอะแล้ว เพราะเข้าใจผิดว่าทำบุญครั้งเดียวก็โอเคแล้ว เลยไม่ได้เน้นเรื่องทำบุญ แต่เน้นในสิ่งที่อยากได้อยากซื้อมากกว่า แต่เพราะคำสอนที่หาได้ยากจากที่อื่นแต่หาได้ไม่ยากจากวัดพระธรรมกาย ทำให้เข้าใจและรู้ว่า " คนเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี "  ซึ่งประโยคนี่้ได้ยินมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจเพราะไม่มีใครขยายให้รู้

๖. ไม่มีความรู้เรื่องการรักษาศีล ก็ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง ท่องปากเปล่าได้หมด แต่ก็เหมือนวานรได้แก้วนั่นแหละ เพราะถ้ามีใครมาถามก็อธิบายไม่ได้เช่นกันว่าทำไมตัองสมาทานศีล ทำไมต้องรักษาศีล และศีลทั้งห้าข้อ แปดข้อนั้นแปลว่าอะไรบ้าง? .. แต่ที่วัดพระธรรมกายแห่งนี้ ได้ให้คำตอบอย่างละเอียดชัดเจนว่าทำไมต้องรักษาศีล ศีลแปลว่าอะไร? และยังสอนให้รู้ถึงองค์ประกอบของศีลนั้นมีข้ั้นตอนอย่างไรบ้างท่ี่จะได้ชื่อว่าศีลบริสุทธิ์ ศีลพร่อง ศีลทะลุ นั้นเป็นอย่างไร?  ทำผิดอย่างไร? ถึงเรียกว่าศีลขาดเป็นต้น

๗. ได้รู้จักว่ามารยาท และวัฒนธรรมการเป็นชาวพุทธที่ดีนั้นเขาปฏิบัติตนกันอย่างไร 

๘. ได้รู้ว่าการกราบพระนั้นกราบอย่างไร? จึงจะถูกต้อง และสื่อความหมายในการกราบอย่างไรบ้าง?

๙. ได้เรียนรู้การลุกการนั่ง ผู้ชายปฏิบัติอย่างไร? ผู้หญิงปฏิบัติอย่างไร?

๑๐. ได้รู้ว่าพระรัตนตรัยคืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร?  พระรัตนตรัยคือที่พึ่งที่สูงสุดของพวกเราทั้งหลาย ที่พึ่งที่สูงสุดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

๑๑. ได้รู้ว่าพระพุทธเจ้ามีความสำคัญอย่างไร? พระองค์ท่านมีความสำคัญต่อมวลมนุษยชาติอย่างไร? พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? เป็นต้น

๑๒. ได้มีความรู้ว่าการเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นทำให้เกิดอานิสงส์แก่ตนเองอย่างไรบ้าง?

๑๓. ได้รู้ว่าการเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ๑๐ ประการนั้น มีอะไรบ้าง?
เรื่องความรู้ที่ได้รับจากวัดพระธรรมกายนั้น จะขอกล่าวเพียงแค่นี้ก่อน เพราะถ้าเอาให้ครบ วันนี้คืนนี้ไม่จบแน่นอน

๑๔. เมื่อชีวิตได้เรียนรู้ธรรมะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองได้อบรมพร่ำสอนมานั้น ทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขมากขึ้น มีธรรมะในบ้านให้ได้รับความสุขทางใจ มีใจหยุดใจนิ่งเป็นพื้นฐานของการนำมาซึ่งความสุขในตนเองแล้วสามารถเผื่อแผ่ไปสู่คนรอบข้างได้ด้วย

๑๕. ชีวิตหน้าที่การงานดีขึ้น มีความสุขในการทำงานมากขึ้น


๑๖. เศรษฐกิจในครอบครัวดีขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า   " ใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ " เป็นคาถาประจำใจ

๑๗. เข้าใจลูกๆ มากขึ้น ไม่ใช้อารมณ์กับลูกๆ เหมือนก่อน เพราะด้วยเคยมีความเชื่อที่ผิดๆ ว่าฉันเป็นแม่เธอต้องฟังเท่านั้น ห้ามเถียง เหล่านี้เป็นต้น

               วันนี้เอาแค่ ๑๗ ข้อย่อๆ เป็นตัวอย่างไปก่อนแล้วกัน ว่าดิฉันเข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตนั้นดีขึ้นอย่างไร? ก็เคยเห็นเคยอ่านใน face book มีคนมาใส่ร้ายวัดพระธรรมกายต่างๆ นาๆ ว่าพวกเราโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยล้างสมอง ก็มีคนตอบไปได้น่าฟังจริงๆ เขาตอบว่า เขาถูกล้างสมอง โดยเอาความชั่วออกไป แล้วเอาสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นความดีเข้ามาแทนที่ อย่างนี้เขายินดีให้วัดพระธรรมกายล้างสมองเขาค่ะ

            ก็อยากจะถามบุคคลที่มีแต่อคติจนลืมความถูกต้องว่า..

๑. ถ้าลูกๆ ของคุณ หรือบุคคลอันเป็็นที่รักของคุณติดการพนัน ติดเกม  ผิดศีลห้าข้อ นำแต่ความเดือดร้อนมาให้คุณ คุณต้องหาเงินหาทอง ไปกู้หนี้นอกระบบเพื่อไปใช้จ่ายในการเข้าออกสถานี ตำวจและขึ้นโรงขึ้นศาล จนคุณนั้น เหนื่อยกายใจกับปัญหาต่างๆ เพราะบุคคลอันเป็นที่รักเขาหามาให้คุณ

๒. กับอีกชีวิตของคุณ ที่คุณมีลูกเต้าอยู่ในโอวาท ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ติดเกม ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่คบคนพาล สามีหรือภรรยาของคุณไม่นอกใจไปมีคนใหม่ให้คุณต้องทุกข์เพราะเขามีศีลเกรงกลัวต่อบาปและกรรม เสาร์อาทิตย์ก็ไปวัดพระธรรมกาย สร้างคุณความดี นั่งสมาธิ มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาได้ดีเพราะวัดพระธรรมกายเป็นผู้ล้างสมองเขา
               ถ้าสองสิ่งนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ แล้วคุณคิดว่าคุณจะเลือกให้คนในครอบครัวของคุณเป็นบุคคลในข้อท่ี ๑. หรือคุณต้องการให้คนในครอบครัวคุณเป็นบุคคลในข้อที่ ๒. ล่ะคะ?

              ก็อยากจะฝากคำถามนี้ไว้ให้กับผู้ที่มองวัดพระธรรมกายไม่ดีมาตลอด และอยากจะฝากคำถามนี้ไว้ให้กับผู้ที่จงเกลียดจงชังพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของเรายิ่งนัก ถ้าคุณมีใจที่เป็นธรรม ไม่ปล่อยให้ความเกลียดชังเข้ามาครอบงำจนลืมความถูกต้องไปหมด ดิฉันคิดว่าคุณต้องเข้าใจและคิดได้ และคุณจะเลือกข้อ ๑. หรือข้อ ๒. นั้น คุณเลือกได้ เพราะคุณคือผู้ออกแบบชีวิต ชีวิตของคุณ คุณเลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เพราะคุณคือสถาปนิกที่ออกแบบชีวิตของคุณเอง  ก็ขอฝากไว้เป็นข้อคิดกันนะคะ สวัสดีค่ะ