vrijdag 22 juli 2016

#โรงละครสยาม: เรื่องนี้ไม่มีโหวต NO

#โรงละครสยาม: เรื่องนี้ไม่มีโหวต NO: ธ รรมดาเวลาคนเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ก็จะบอกหรือ ทำให้คนอื่นดูพร้อมๆ กัน  เช่น  ไม่ชอบข้าวแกง แต่ชอบผัดไท   ไม่ชอบหน่อไม้ แต่ชอบมะเขือ ...

zaterdag 16 april 2016

AI Channel ตอนที่ 7 ด่วน! ด่วน! ด่วน! เปิดความลับวัดพระธรรมกายตักบาตรกลา...

AI Channel ตอนที่ 8 ด่วน เปิดความลับ...พระพี่เลี้ยงวัดพระธรรมกาย โครงการ...

Art Channel คำคมนักปราชญ์ : คนพาลชอบทำให้โอกาสกลับเป็นวิกฤต...ส่วนบัณฑิต...

สถานการณ์ภาคใต้

สัมภาษณ์พิเศษ พระครูถาวรธรรมรักษ์ วัดนิกรชนาราม จังหวัดปัตตานี

ไสว่าบ่ถิ่มวัด (ไหนว่า...ไม่ทิ้งวัด) - พันตรี สุธี สุขสากล [ธรรมะมีทำนอง]

อย่าทิ้งวัด – ดล อัยย์รดา (จากเพลง สิ่งของ - klear)

zondag 10 april 2016

บุญทำให้ชีวิตดีขึ้นย่างไร?

                                                                                                                                                        

บุญทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ......จริงๆ นะ    

                                                            
      จากพุทธศาสนสุภาษิตที่ได้กล่าวถึงเรื่องบุญไว้ว่า "ถ้าบุรุษจะพึงทำบุญ ควรทำบุญนั้นบ่อยๆ  

ควรทำความพอใจในบุญนั้นๆ การสั่งสมบุญย่อมนำความสุขมาให้"  ถ้าสังเกตให้ดีเราจะเห็นได้

ว่า ชีวิตเรานั้น ทุกวันทุกเวลาย่อมผูกพันกับบุญทั้งสิ้น มีทั้งบุญเก่าบุญใหม่ เพียงแต่ว่าเรามองบุญ

ด้วยตาเปล่าไม่เห็นเท่านั้นเอง แต่เราก็สามารถสัมผัสกับบุญได้นะ ในสิ่งที่เรามองไม่เห็นก็ไม่ได้

หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี ให้นึกถึงสิ่งใกล้ๆ ตัวอย่างง่ายๆ เวลาที่เราเปิดไฟ เราจะเห็นความสว่าง

ของไฟที่เราเปิด แต่เรามองไม่เห็นตัวไฟที่มันวิ่งอยู่ในสายไฟ แต่ที่เรามองไม่เห็นก็ไม่ได้หมาย

ถึงว่ากระแสไฟไม่มี ลองเอามือไปจับสิ ตายแน่ ตายแน่


      สมัยที่ยังไม่รู้จักวัดพระธรรมกาย ก็เคยสงสัยว่าทำไมนะ บางคนรักสุนัข เอาใจสุนัขมากกว่า



คนในครอบครัวเสียอีก จนกระทั่งมาเป็นลูกของหลวงพ่อ มาเป็นคนในครอบครัวของ วัดพระ

ธรรมกาย พระอาจารย์ท่านก็อธิบายให้ฟังว่า ทำไมสุนัขแต่ละตัวจึงมีชีวิตหรือความโชคดีที่แตก

ต่างกัน ทำให้เข้าใจได้อย่างชัดแจ้ง ทำให้คิิดได้ว่าไม่ว่าคนหรือสัตว์ ไม่มีอะไรต่างกันเลย เพราะ

สัตว์ก็คืออดีตมนุษย์นั่นเอง เพียงแต่ในอดีตได้ทำตัวผิดพลาด ทำให้ถูกกรรมบิดเบือน จนต้องมา

เกิดเป็นสุนัข กายนอกที่เห็นเป็นสุนัข นั้นก็คือได้ถูกกรรมล็อคไว้ในรูปกายของสุนัข แล้วเรื่องของ

กฎแห่งกรรมก็จะทำหน้าที่ไปตามผังระบบของมันที่เป็นกฎเหล็ก จะแก้ผังนี้ก็ต้องอาศัยใช้บุญ ใช้

บารมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แล้วบุญนั้นก็ไม่มีขาย ถ้าอยากจะได้ก็ต้องทำเอง ถึงจะเป็นแฟนกัน 

แต่ก็ทำแทนกันไม่ได้ในเรื่องของบุญบารมี


      บางคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาตั้งนาน ชีวิตมีทะเลาะกันมากขึ้น มีแต่เรื่องไม่เข้าใจกัน ดูอะไรก็

ขัดๆ ขาดๆ เกินๆ ไม่มีความพอดีสักเรื่อง เมื่อเครียด เบื่อ เซ็งกลุ้มมากเข้านานเข้า ในที่สุดก็ต้อง

ต่างคนต่างไป พอต่างคนต่างไป ชีวิตกับเปลี่ยนไปแบบตรงกันข้ามเลย ซึ่งจะเปลี่ยนไปทางดีหรือ

ไม่ดีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะการเดินทางของบุญและบาปมันทำงานแข่งกันอยู่ตลอดเวลา ในเรื่อง

ของกฎแห่งกรรมนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก และลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก ถ้าเราไม่สนใจทีี่จะศึกษา

เรื่องของกฎแห่งกรรมให้ละเอียดอย่างจริงจัง เราจะไม่มีวันเข้าใจเรื่องเหล่านี้แน่นอน ต้องยอม

รับว่า พวกเรานั้นโชคดียิ่งนักที่ได้มาเป็นลูกๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เรามีบุญเก่ามาดีที่

เรามีพ่อดี มีพระอาจารย์ที่เป็นลูกๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อดี มีต้นบุญต้นแบบที่ดีอย่าง

มหาปูชนียาจารย์ของวัดเรา หลวงพ่อธัมมชโยท่านเป็นพระแท้ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกๆ อย่าง

พวกเราไม่เคยมี ไม่เคยพบเห็น เรามีคุณครูไม่เล็ก ท่านเป็นสุดยอดบรมครูอย่างที่ตัวของเรานั้น

สามารถมั่นใจฟันธงได้ ๑,๐๐๐ % ว่าเราพบครูดี เราพบสุดยอดของผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้

ก็ลองคิดดูสิคะ ท่านคิดได้ไง มีใครคิดได้เหมือนท่านบ้าง "๕ ห้องชีวิต เนรมิตรนิสัย" ตั้งแต่เกิดมา

จนอายุเข้ามาก็ค่อนชีวิตแล้วยังไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ก็มาพบ มาฟังที่ วัดพระ

ธรรมกาย นี้เท่านั้น ก็เพราะชีวิตของลูกๆ ที่มีพระพ่อคือหลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตชีโว ท่าน

จึงเป็นกาวใจที่เชื่อมความรัก ความศรัทธาในหัวใจของลูกๆ ทั่วโลก พวกเรารักท่าน รักมาก รัก

วัดพระธรรมกาย ต่อให้สื่อจะโหมกระพือข่าว ใส่ไฟ ให้ร้ายป้ายสีท่านอย่างไร พวกเราก็ไม่มีวัน

สั่นคลอน หรือเลิกรักเลิกศรัทธาหลวงพ่อทั้งสองของเราไปได้เลย ยิ่งท่านโดนใส่ร้ายมากเท่าไร

มันยิ่งเป็นแรงจูงใจให้พวกเรารักท่าน รักอย่างไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นภาษาพูดได้เลย 

แต่บรรดาสื่อที่โหมกระหน่ำนั่นต่างหาก ที่จะทำให้เราหมดศรัทธา และไม่อยากซื้อข่าวของสำนัก

พิมพ์มาอ่าน เลิกอุดหนุนไปเลย เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่เขาเขียน สิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์ มันเรื่องโกหก

ทั้งสิ้น ถ้าพวกเขาหันมาศึกษาความรู้เรื่องกฎแห่งกรรมให้ชัดเจนถ่องแท้ พวกสำนักข่าวเหล่านั้น

เขาจะต้องตกใจจนหยอง จนโลกมืดไปเลย เพราะเรารู้ทีึ่ไปของพวกเขาว่า เขาจะต้องเดินทางไป

ไหนในปรโลกหน้า เราจึงสงสาร สมเพชเขา จนไม่คิดที่จะไปใช้คำรุนแรงเป็นการตอบโต้กับพวก

เขาเลย 

      " คนเรานั้น ถ้ามีบุญมาก อุปสรรคจะมีน้อย  ถ้ามีบุญน้อย อุปสรรคจะมีมาก "

      เพราะพวกเรารู้และเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเราจึงรักบุญและทุ่มบุญกันอย่างสุดๆ หลวงพ่อของ

พวกเราสอนให้ัลูกๆ ไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาท ความตายไม่มีนิมิตหมาย หยุดหายใจก็จบกัน เพราะ

ความตายนั่นก็คือหมดบุญในชาตินี้นี่เอง พวกเราปลื้มใจที่เราเกิดมาชาตินี้ มีบุญได้รู้จักวิชชา

ธรรมกาย  ได้รู้หลักวิชชาในการสร้างบุญ  สร้างบารมี  รู้หลักวิชชาว่าชีวิตของเรา  ตอนนี้มีเรื่อง

มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น เพราะเกิดจากอะไรในอดีต และต้องแก้ในปัจจุบันอย่างไร เราทำใจ

ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และพร้อมที่จะแก้ไขมันให้ดีขึ้น โดยมีพระพ่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสร้างกำลังใจ









 

  



 










dinsdag 5 april 2016

ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง

วันคุ้มครองโลก 22 เมษายน พ.ศ.2556

ชีวิตดีขึ้น ......  เมื่อบุญมาถึง 

       "บุญ" ... บุญ ทุกลมหายใจล้วนต้องใช้บุญทั้งสิ้น เรื่องของบุญไม่ใช่เรื่องล้อเล่น โปรดอย่ามองข้ามในเรื่องของบุญ เวลา ๒๔ ชั่วโมง ใช้บุญตลอดไม่มีการหยุดพัก แม้แต่เวลาคุณหลับคุณก็ต้องใช้บุญเช่นกัน ถ้าลองคุณบุญหมดสิ คุณก็จะหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ซี้แน่นอน เพราะฉะน้ั้นถ้าคุณประมาท ก็เท่ากับคุณลืมคิดถึงความตาย เพราะคุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าบุญของคุณจะหมดเมื่อไร เราต้องหมั่นเตือนตัวเองบ่อยๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านได้ให้การบ้านไว้กับลูกๆ ได้ท่องทุกเช้าเมื่อลืมตาตื่นนอนขึ้นมาว่า " วันนี้ เราโชคดี ที่รอดมาได้ อีกหนึ่งวัน ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงมีความสุข อันตัวเรานั้น ตายแน่ ตายแน่ "
        เมื่อยามที่เราหลับตาอำลาโลกไปสู่ปรโลกหน้า ก็ต้องใช้แต่บุญเท่านั้น เพราะชีวิตหลังความตายเขาวัดกันด้วยบุญและบาปเท่านั้น อย่างอื่นที่คุณมีในโลกมนุษย์ มันเคลื่อนย้ายติดตามคุณไปด้วยไม่ได้ ปรโลกหน้าคุณไม่ต้องทำมาหากิน คุณใช้บุญเท่านั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตใหม่ของคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่นรก อยู่สวรรค์ หรืออยู่หนแห่งไหนก็ตาม ต้องการบุญเท่านั้นจริงๆ 
          พวกเราชาววัดพระธรรมกายนั้น ส่วนใหญ่จะเข้าใจเรื่องบุญ และอานิสงส์ของบุญได้กันดีทีเดียวหละ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเข้าวัดพระธรรมกายไปได้สักระยะหนึ่ง ชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เจ้าตัวได้เห็น หรือรู้สึกได้ว่าตัวเองและครอบครัวมีการเปล่ี่ยนแปลงไปในทางที่ดีจริงๆ เรื่องความเชื่อเหล่านี้ ใครมาเล่าให้ฟังก็ไม่เข้าใจได้ดีเท่ากับประสบด้วยตัวเองหรอก ให้เราลองสังเกตุดูว่า ญาติพี่น้องลูกหลานคนใกล้ตัวนี่หละ เขาทำงานกันจัง ทำจนแทบจะไม่มีเวลาให้กับพ่อแม่ ญาติพี่น้องและครอบครัว วันเสาร์อาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดตามปกติ แต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุดกัน ชีวิตมีแต่หนี้ มีแต่เหนื่อย มีแต่เครียด มีแต่เรื่องวุ่นวายใจให้ต้องปวดหัวในทุกๆ วัน ทำงานเยอะ รายได้มาก แต่พวกเขาก็งงว่าเงินไปไหนหมด เมื่อไรจะได้พักจะได้หายเหนื่อย เราให้คำแนะนำเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่เชื่อ เราชวนเขาไปวัด เขาก็บอกไม่มีเวลา ถ้ามัวแต่ไปวัดจะเอาอะไรกิน เขากลับสอนเราอีก และรับไม่ได้ที่เราทำบุญเยอะ เราก็เลยต้องเงียบ เพราะเรารู้ว่า เขาจะเชื่อเรื่องบุญเขาก็ต้องศึกษาเรื่องบุญเสียก่อน เมื่อความเชื่อมีก็จะทำให้หมดสงสัยในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความศรัทธาในเรื่องบุญมันก็จะตามมา แต่น่าเสียดายที่เขาไม่หันมาสนใจหรือศึกษาความเป็นจริงของชีวิต ไม่ใฝ่รู้ในคำสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านทรงสอนเรื่องอะไรบ้างใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ซึ่งในชีวิตตั้งแต่เริ่มเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกเรื่องราวในชีวิตนั้นอยู่ในคำสอนของพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น ถ้าเราตั้งใจศึกษาแล้วนำมาปฏิบัติตามอย่างถูกหลักวิชา เราก็จะพบทางสว่างของชีวิต เพราะธรรมของพระพุทธศาสนานั้นเป็นธรรมโอสถ เป็นโอสถขนานพิเศษจริงๆ 
       เรื่องราวในสมัยพุทธกาลนั้น น่าสนใจน่าติดตามทุกเรื่อง ดังเช่นจะขอยกตัวอย่างให้เข้าใจในเรื่องราวของ ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง   เหมือนดังชีวิตที่ผกผัน จากคนยากจน อดมื้อกินมื้อ กลับพลิกผันมาเป็นผู้มีสมบัติมากมายในภพชาติปัจจุบัน และยังร่ำรวยข้ามชาติได้ เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ มีพระขีณาสพ ๒๐,๐๐๐ รูปเป็นบริวาร ได้เสด็จไปกรุงพาราณสีเพื่อโปรดเหล่าเวไนยสัตว์
       สมัยนั้น ในกรุงพาราณสี มีชายคนหนึ่งชื่อ มหาทุคตะ เพราะความเป็นผู้ยากจนมาก ยากจนกว่าใครทั้งหมดในเมือง บางวันเขาและภรรยาต้องไปขออาหารเหลือเดน ที่ชาวบ้านจะเททิ้งมากินประทังชีวิต เมื่อบัณฑิตผู้มีจิตใจงดงามเดินผ่านมาพบเข้า เกิดความกรุณา อยากให้เขาพ้นจากความยากลำบาก จึงได้บอกเรื่องที่ตนนิมนต์พระไว้ และชักชวนให้มหาทุคตะรับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระสักรูปหนึ่ง มหาทุคตะปฏิเสธ เพราะรู้ว่า ตนเองยากจนเข็ญใจขนาดนี้ ต้องขอเขากินแทบทุกวัน จะถวายทานได้อย่างไร แต่บัณฑิตยอดกัลยาณมิตร ก็ไม่ละความพยายาม ยังชักชวนต่อไปว่า
        " สหายเอ๋ย คนในเมืองนี้ ต่างร่ำรวยมั่งคั่ง ไม่ต้องทำงานหนัก มีเงินทองมากมาย เพราะเขาทำบุญมาดี  ส่วนท่านยากจนอยู่เช่นนี้ เพราะไม่ค่อยให้ทาน จงรีบทำบุญเถิด"    

       แม้มหาทุคตะจะจนทรัพย์แต่ไม่อับจนปัญญา ในวันนั้นบุญเก่าตามมาทัน ส่งผลให้เกิดปัญญา เขาคิดว่า "ที่เราอดอยาก ยากจนอยู่ทุกวันนี้ เพราะความตระหนี่ของเราแท้ๆ  ดังนั้น วันนี้ เราจะต้องทำบุญใหญ่ให้ได้" จึงตอบตกลง รับเลี้ยงพระภิกษุ  ๑ รูปทันที ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะหาทรัพย์มาจากไหนเพื่อไปซื้ออาหารมาเลี้ยงพระ แต่อาศัยใจถึงจึงรับไว้ก่อน 
        แต่ เนื่องด้วยยอดกัลยาณมิตร ผู้ที่ทำหน้าที่จัดหาพระภิกษุให้กับศรัทธาสาธุชน ได้ลืมแบ่งพระไว้ให้กับมหาทุคตะ ๑ รูป ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ทำให้มหาทุคตะเสียใจมาก ถึงกับร่ำไห้น้ำตานองหน้าเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันที  บัณฑิตผู้นั้นรู้สึกละอายใจมาก ได้กล่าวขอโทษ และแนะนำว่า "สหายเอ๋ย ยังมีพระผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่เหลืออยู่อีกองค์หนึ่ง คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าท่านมีบุญ พระองค์ก็คงจะรับอาราธนาเป็นแน่"  ถึงอย่างไรในใจก็ไม่ยอมสิ้นหวัง มุ่งหน้าไปที่ประตูพระคันธกุฎีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

         พระองค์ทรงรับอาราธนา แล้วประทานบาตรแก่มหาทุคตะ มหาทุคตะรับบาตรไปด้วยความ

ดีใจเสมือนหนึ่งได้มหาสมบัติจักรพรรดิ น้ำตาไหลอาบแก้ม ด้วยความปลาบปลื้มปีติยินดี แม้พระ

ราชามหาอำมาตย์ จะอ้อนวอน ขอบาตร หรือต่อรองขอซื้อบาตร ด้วยราคาเป็นแสน เขาก็ไม่ยอม

ขาย เพราะมหาทุคตะเป็นผู้มีปัญญา เห็นว่าบุญเท่านั้นที่จะเป็นสมบัติติดตัวไปได้ ทั้งในภพนี้และ

ภพเบื้องหน้า จึงไม่ยอมยกบุญนี้ให้แก่ใคร



         เมื่อเสร็จภัตกิจได้ตามไปส่งเสด็จที่พระวิหาร ในขณะนั้น สิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครคาดฝันพลันบังเกิดขึ้น ฝนรัตนะ ๗ ประการ ตกลงมาเต็มบ้าน จนล้นออกมานอกบ้าน ภายในบ้านไม่มีที่ว่างเลย ภรรยาของมหาทุคตะต้องจูงลูกๆ ออกไปยืนอยู่ข้างนอก                                                                       ฝ่ายมหาทุคตะกลับจากวิหารเห็นเหตุอัศจรรย์เช่นนั้น บังเกิดมหาปีติ ขนลุกไปทั่วสรรพางค์ ปลื้มใจว่า ฝนรัตนะ ๗ ประการ ตกเพราะพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ รวมทั้งบุญญานุภาพที่ตัวได้ทำในวันนี้      
       จากเรื่องราวนี้ จะเห็นได้ว่า บุญ คือที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด บุญ อยู่เบื้องหลังความสุขความสำเร็จในประการทั้งปวง คนจะมีทรัพย์ได้เพราะบุญหนุนนำ คนที่ร่ำรวยในวันนี้ เพราะบุญเก่าหนุนนำและในปัจจุบันไม่เกียจคร้าน หมั่นทำกิจการงาน หาทรัพย์มาได้ก็แบ่งทรัพย์ออกเป็นสัดส่วน ไม่สุรุ่ยสุร่าย ส่วนคนที่ยากจนข้นแค้นก็เพราะในอดีตเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ทำทาน เสียดายทรัพย์จะหมดเปลือง จึงทำให้ต้องเป็นคนไร้ทรัพย์ ถึงแม้จะทำงานหนัก รายได้ดี แต่ทรัพย์นั้นก็ไม่อยู่ด้วย มีแต่ทางให้ทรัพย์ต้องหมดไป เพราะไม่มีบุญเก่าและบุญใหม่มารองรับนั่นเอง     
          ดังนั้นเมื่อทุกท่านได้รู้ถึงความสำคัญของบุญกันแล้ว ก็ขอให้รีบหันมาสั่งสมบุญกันเถอะ เมื่อใดที่ท่านทำบุญ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้ให้หลักวิชาไว้ว่า " ก่อนเจ็ด หลังเจ็ด "  คือก่อนทำบุญเจ็ดวันให้รักษาใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส อย่าให้ใจขุ่นมัว อย่าให้มีสิ่งใดมากระทบใจที่ได้ตั้งไว้แห่งความเป็นบุญเชียว ส่วนหลังเจ็ดนั้น หมายถึงวันที่ได้ทำบุญก็ต้องปลื้ม รักษาใจให้ใส ให้ตลอดต่อเนื่องไปให้ได้ครบเจ็ดวันทีเดียว และพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของพวกเรายังได้ให้หลักวิชาเกี่ยวกับการทำทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ  
   
             ๑.วัตถุทานบริสุทธิ์ ของที่จะให้ทานต้องเป็นของที่ตนได้มาด้วยความสุจริตชอบธรรม ไม่ได้คดโกง หรือเบียดเบียนใครมา
         ๒. เจตนาบริสุทธิ์ คือมีเจตนาเพื่อกำจัดความตระหนี่ของตน ทำเพื่อเอาบุญ ไม่ใช่เอาหน้า เอาชื่อเสียง ไม่ใช่เอาความเด่นความดัง ความรัก และจะต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้ง ๓ ขณะ คือ 
  • ก่อนให้ ก็มีใจเลื่อมใส ศรัทธาเป็นทุนเดิม เต็มใจที่จะทำบุญนั้น
  • ขณะให้ก็ตั้งใจให้ ให้ด้วยใจที่เบิกบาน
  • หลังจากให้ก็มีใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดายสิ่งที่ให้ไปแล้ว
              ๓.บุคคลบริสุทธิ์ คือ เลือกให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความสงบ เรียบร้อย ตั้งใจ
ประพฤติธรรม เป็นต้น

      สำหรับผู้ให้ทาน คือตัวเราเองก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์จึงจะได้บุญมาก จะเห็นว่าทุกครั้งที่เราจะถวายสังฆทาน พระท่านจะให้ศีลก่อน เพื่อว่าอย่างน้อยที่สุดในขณะนั้น เรายังมีศีล ๕ ครบ จะได้เกิดบุญกุศลเต็มที่นั่นเอง
      ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะ ว่าทำไมพวกเราถึงรักหลวงพ่อธัมมชโยมาก และรักวัดพระธรรมกายมากเช่นกัน ก็เพราะหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนให้พวกเรารู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของบุญ ให้แนวทางในการรักษาใจให้ได้บุญเต็มทีึ่ บอกเทคนิคที่จะทำให้บุญไม่ตกหล่น รู้หลักวิชาทั้งสามอย่างว่ามีขั้นตอนอย่างไร 
          ทีนี้หลายคนคงหายสงสัยแล้วใช่ไหมคะว่าทำไม พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของพวกเราถึงหน้าใสใจใส และลูกๆ ของท่านทั่วโลกถึงหน้าเด้งกัน และทำไมเข้าวัดพระธรรมกายแล้วจึงอยู่ยาวนานไม่อยากจากไปไหน และที่หลายท่านเข้าใจผิดกันมาตลอดว่าวัดพระธรรมกายมีแต่เศรษฐี ไม่ต้อนรับคนจนนั้น ก็โดยส่วนมากลูกๆ ของหลวงพ่อก็จนกันมาก่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่เพราะรู้หลักวิชาที่จะทำตัวทำใจให้ใส และรวยไปด้วยหัวใจของนักสู้ เราสะสมแต่บุญและความดี จึงเกิดเป็นอานิสงส์ของบุญ ทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทุกคน ก็นี่แหละคือ หัวข้อของ "ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง" ทีนี้คุณๆ หายสงสัยวัดพระธรรมกายและหายสงสัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของพวกเรากันหรือยังล่ะคะ?
                        
               

zaterdag 19 maart 2016

เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร?



Afbeeldingsresultaat voor รูปวัดพระธรรมกาย

เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร ?

               ขึ้นต้นหัวเรื่องด้วยคำพูดแบบนี้  ดิฉันตอบได้เลยว่าชาววัดพระธรรมกายที่เหนียวแน่นพร้อมไปด้วยความรักและความศรัทธาอย่างไม่เคยเสืื่อมคลายไปจากใจนั้น จะสามารถตอบได้เหมือนกัน และมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตตัวเองนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ทำไม?ดิฉันถึงยืนยันด้วยความมั่นใจและหนักแน่น ก็เพราะสิ่งนี้มันได้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเองและกับคนในครอบครัวของดิฉันนั่นเอง
               จากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่อยู่กับครอบครัวที่ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะเป็นน้องคนเล็กของบ้าน แต่เมื่อต้องออกมาใช้ชีวิตใหม่ในกรุงเทพฯ เพราะเข้ามาเรียนต่อ กลายเป็นคนที่หวาดกลัวทุกอย่าง เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตและสิ่งแวดล้อมของตัวเองอย่างไร คิดไม่เป็น ขาดความมั่นใจอย่างสูง ไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรเลยเพราะกลัวไม่กล้าตัดสินใจ
              เมื่อวันหนึ่งชีวิตผกผัน ให้ได้เดินทางมาใช้ชีวิตใหม่ในยุโรป อาการเหล่านี้ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ชีวิตใหม่ได้เรียนรู้และฝึกหัดตนกับคนข้างกายและครอบครัวที่อบอุ่น มีคนข้างกายและแม่เป็นต้นแบบให้ได้เรียนรู้กับชีวิตใหม่ ทั้งวัฒธรรมใหม่ ญาติใหม่ ครอบครัวใหม่ การปรับตัวต่างๆ เป็นต้น หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับวัดและกิจกรรม แต่ถึงจะใช้ขีวิตส่วนใหญ่อยู่กับวัด แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สาธุชนอย่างดิฉันยังได้ชื่อว่ามีอวิชชามากกว่ามีวิชชา ยังเป็นชาวพุทธที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่ว่าทำไมเราต้องเกิดมา และเกิดมาเพื่ออะไร? ซึ่งคำถามเหล่านี้มีมานานตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และหลักฐานนั้นปัจจุบันก็ยังมีอยู่ไว้เป็นหลักฐานยืนยัน เพราะได้จดไว้ในหนังสือเรียน ความไม่รู้ทำให้ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกไปตามสถานการณ์นั้นๆ 
               จนกระทั่งวันหนึ่งได้รู้จักวัดพระธรรมกาย และเริ่มเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของวัด แต่การเข้าวัดก็ยังค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีเพื่อนๆ หรือใครๆ เข้าวัดพระธรรมกายตามดิฉันเลย ก็เลยลุ่มๆ ดอนๆ เกิดกำลังใจก็ไป ท้อใจ น้อยใจก็ไม่ไปแบบนี้เป็นต้น
                จนจิตใจได้ซึมซับคุณธรรมความดีงามต่างๆ จากคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง คือ พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโว พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองท่านได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจสั่งสอนศิษย์เสมอมา อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากใดๆ ความเป็นครูหัวใจพระโพธิสัตว์ของหลวงพ่อทั้งสองนั้น เกิดมาในชีวิตไม่เคยพบเจอว่าจะมีบุคคลเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ไม่เคยพบเจอว่าจะมีบุคคลผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรมมาสั่งสอนตัวเราได้เหมือนท่านทั้งสองนี้อีกแล้ว สิ่งที่เคยสงสัยและเสาะหาคำตอบนั้นได้สิ้นสงสัยเมื่อมาเข้าวัดพระธรรมกายนี่เอง รู้สึกว่าตัวเองได้กลับบ้านที่พลัดพรากจากมานานแสนนานเสียที ทุกอย่างทุกเรื่องเข้าใจชัดเจน ว่าทำไม? อะไร? อย่างไร? จนทำให้นิสัยต่างๆ ที่บกพร่อง เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองสอนให้ศิษย์มองสำรวจความไม่ดีของตนเองก่อน ก่อนท่ีจะมองของผู้อื่น ดิฉันก็เริ่มพบสิ่งที่บกพร่องของตนเองท่ี่ปฏิบัติต่อคนในบ้าน พบนิสัยความเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ในบ้านนั้นเพียบเลย จะผิดหรือถูกฉันต้องถูกไว้ก่อน นิสัยเจ้าอารมณ์ถ้าคนในบ้านไม่ตามใจ จำๆ เรื่องในบ้านที่เราไม่พอใจจนทุกข์เหล่านี้เป็นต้น เมื่อได้ฟังธรรมะจากคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโวท่ี่ได้พร่ำสอน ทำให้นึกถึงโอวาทของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสว่า "บุคคลท่ี่ตักเตือนเรานั้น เปรียบเหมือนท่านได้ยื่นขุมทรัพย์มหาศาลให้กับเรา"  ใช่เลยค่ะ ดิฉันพบครูดีแห่งทางธรรมแล้ว และไม่คิดจะไปไหนอีกเลย

               เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร?  คำตอบนี้ขอตอบเป็นข้อๆ แล้วกันนะคะ คือ..

๑. มีเหตุผลมากขึ้น

๒. เข้าใจคนข้างกายมากขึ้น และคนในครอบครัวมากขึ้น

๓. นิสัยในบ้านใจเย็นมากขึ้น (เพราะนิสัยนี้จะเป็นเฉพาะกับคนในบ้านเท่านั้น) กับคนนอกบ้านไม่เป็น กับคนนอกบ้านจะเป็นนิสัยที่ตรงกันข้าม ราวฟ้ากับเหวเลยค่ะ

๔. เข้าใจพ่อแม่มากขึ้น รักพ่อแม่มากขึ้น จากที่เข้าใจแม่ผิดมาตลอด

๕. เมื่อเงินเดือนออก จากที่เคยซื้อสิ่งที่ต้องการก่อน แล้วทำบุญทีหลัง ดิฉันทำบุญบ่อย ทำเกือบจะทุกบุญ แล้วก็ภูมิใจว่าเราทำบุญใหญ่ๆ ครบหมดแล้ว สบายแล้วเรา ไม่ไปนรกแน่นอนเพราะทำบุญเยอะแล้ว เพราะเข้าใจผิดว่าทำบุญครั้งเดียวก็โอเคแล้ว เลยไม่ได้เน้นเรื่องทำบุญ แต่เน้นในสิ่งที่อยากได้อยากซื้อมากกว่า แต่เพราะคำสอนที่หาได้ยากจากที่อื่นแต่หาได้ไม่ยากจากวัดพระธรรมกาย ทำให้เข้าใจและรู้ว่า " คนเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี "  ซึ่งประโยคนี่้ได้ยินมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจเพราะไม่มีใครขยายให้รู้

๖. ไม่มีความรู้เรื่องการรักษาศีล ก็ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง ท่องปากเปล่าได้หมด แต่ก็เหมือนวานรได้แก้วนั่นแหละ เพราะถ้ามีใครมาถามก็อธิบายไม่ได้เช่นกันว่าทำไมตัองสมาทานศีล ทำไมต้องรักษาศีล และศีลทั้งห้าข้อ แปดข้อนั้นแปลว่าอะไรบ้าง? .. แต่ที่วัดพระธรรมกายแห่งนี้ ได้ให้คำตอบอย่างละเอียดชัดเจนว่าทำไมต้องรักษาศีล ศีลแปลว่าอะไร? และยังสอนให้รู้ถึงองค์ประกอบของศีลนั้นมีข้ั้นตอนอย่างไรบ้างท่ี่จะได้ชื่อว่าศีลบริสุทธิ์ ศีลพร่อง ศีลทะลุ นั้นเป็นอย่างไร?  ทำผิดอย่างไร? ถึงเรียกว่าศีลขาดเป็นต้น

๗. ได้รู้จักว่ามารยาท และวัฒนธรรมการเป็นชาวพุทธที่ดีนั้นเขาปฏิบัติตนกันอย่างไร 

๘. ได้รู้ว่าการกราบพระนั้นกราบอย่างไร? จึงจะถูกต้อง และสื่อความหมายในการกราบอย่างไรบ้าง?

๙. ได้เรียนรู้การลุกการนั่ง ผู้ชายปฏิบัติอย่างไร? ผู้หญิงปฏิบัติอย่างไร?

๑๐. ได้รู้ว่าพระรัตนตรัยคืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร?  พระรัตนตรัยคือที่พึ่งที่สูงสุดของพวกเราทั้งหลาย ที่พึ่งที่สูงสุดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

๑๑. ได้รู้ว่าพระพุทธเจ้ามีความสำคัญอย่างไร? พระองค์ท่านมีความสำคัญต่อมวลมนุษยชาติอย่างไร? พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? เป็นต้น

๑๒. ได้มีความรู้ว่าการเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นทำให้เกิดอานิสงส์แก่ตนเองอย่างไรบ้าง?

๑๓. ได้รู้ว่าการเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ๑๐ ประการนั้น มีอะไรบ้าง?
เรื่องความรู้ที่ได้รับจากวัดพระธรรมกายนั้น จะขอกล่าวเพียงแค่นี้ก่อน เพราะถ้าเอาให้ครบ วันนี้คืนนี้ไม่จบแน่นอน

๑๔. เมื่อชีวิตได้เรียนรู้ธรรมะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองได้อบรมพร่ำสอนมานั้น ทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขมากขึ้น มีธรรมะในบ้านให้ได้รับความสุขทางใจ มีใจหยุดใจนิ่งเป็นพื้นฐานของการนำมาซึ่งความสุขในตนเองแล้วสามารถเผื่อแผ่ไปสู่คนรอบข้างได้ด้วย

๑๕. ชีวิตหน้าที่การงานดีขึ้น มีความสุขในการทำงานมากขึ้น


๑๖. เศรษฐกิจในครอบครัวดีขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า   " ใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ " เป็นคาถาประจำใจ

๑๗. เข้าใจลูกๆ มากขึ้น ไม่ใช้อารมณ์กับลูกๆ เหมือนก่อน เพราะด้วยเคยมีความเชื่อที่ผิดๆ ว่าฉันเป็นแม่เธอต้องฟังเท่านั้น ห้ามเถียง เหล่านี้เป็นต้น

               วันนี้เอาแค่ ๑๗ ข้อย่อๆ เป็นตัวอย่างไปก่อนแล้วกัน ว่าดิฉันเข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตนั้นดีขึ้นอย่างไร? ก็เคยเห็นเคยอ่านใน face book มีคนมาใส่ร้ายวัดพระธรรมกายต่างๆ นาๆ ว่าพวกเราโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยล้างสมอง ก็มีคนตอบไปได้น่าฟังจริงๆ เขาตอบว่า เขาถูกล้างสมอง โดยเอาความชั่วออกไป แล้วเอาสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นความดีเข้ามาแทนที่ อย่างนี้เขายินดีให้วัดพระธรรมกายล้างสมองเขาค่ะ

            ก็อยากจะถามบุคคลที่มีแต่อคติจนลืมความถูกต้องว่า..

๑. ถ้าลูกๆ ของคุณ หรือบุคคลอันเป็็นที่รักของคุณติดการพนัน ติดเกม  ผิดศีลห้าข้อ นำแต่ความเดือดร้อนมาให้คุณ คุณต้องหาเงินหาทอง ไปกู้หนี้นอกระบบเพื่อไปใช้จ่ายในการเข้าออกสถานี ตำวจและขึ้นโรงขึ้นศาล จนคุณนั้น เหนื่อยกายใจกับปัญหาต่างๆ เพราะบุคคลอันเป็นที่รักเขาหามาให้คุณ

๒. กับอีกชีวิตของคุณ ที่คุณมีลูกเต้าอยู่ในโอวาท ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ติดเกม ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่คบคนพาล สามีหรือภรรยาของคุณไม่นอกใจไปมีคนใหม่ให้คุณต้องทุกข์เพราะเขามีศีลเกรงกลัวต่อบาปและกรรม เสาร์อาทิตย์ก็ไปวัดพระธรรมกาย สร้างคุณความดี นั่งสมาธิ มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาได้ดีเพราะวัดพระธรรมกายเป็นผู้ล้างสมองเขา
               ถ้าสองสิ่งนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ แล้วคุณคิดว่าคุณจะเลือกให้คนในครอบครัวของคุณเป็นบุคคลในข้อท่ี ๑. หรือคุณต้องการให้คนในครอบครัวคุณเป็นบุคคลในข้อที่ ๒. ล่ะคะ?

              ก็อยากจะฝากคำถามนี้ไว้ให้กับผู้ที่มองวัดพระธรรมกายไม่ดีมาตลอด และอยากจะฝากคำถามนี้ไว้ให้กับผู้ที่จงเกลียดจงชังพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของเรายิ่งนัก ถ้าคุณมีใจที่เป็นธรรม ไม่ปล่อยให้ความเกลียดชังเข้ามาครอบงำจนลืมความถูกต้องไปหมด ดิฉันคิดว่าคุณต้องเข้าใจและคิดได้ และคุณจะเลือกข้อ ๑. หรือข้อ ๒. นั้น คุณเลือกได้ เพราะคุณคือผู้ออกแบบชีวิต ชีวิตของคุณ คุณเลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เพราะคุณคือสถาปนิกที่ออกแบบชีวิตของคุณเอง  ก็ขอฝากไว้เป็นข้อคิดกันนะคะ สวัสดีค่ะ





zaterdag 12 maart 2016

หลวงพ่อธัมมชโยที่ฉันรู้จัก

พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยลงสอนธรรมะให้กับลูกๆ ทุกวัน

           าพพระภิกษุรูปหนึ่งที่เดินเข้ามาในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เรื่อยๆ ช้าๆ เมื่อเข้ามาใกล้ๆ จึงได้ทราบว่าทำไมท่านถึงเดินช้าๆ เรื่อยๆ แต่มั่นคง กายตรง มองแล้วอบอุ่น สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความเป็นผู้มีจิตใจท่ี่เต็มไปด้วยความเมตตาอย่างสูงส่ง ถึงแม้ขาของท่านนั้นจะบวมใหญ่ ต้องคอยบีบนวดอยู่ตลอดเวลา คุณลองนึกดูสิว่า ขนาดเราผู้ใช้ชีวิตทางโลกอย่างสุขสบาย ไม่สบายก็ลาป่วยได้ ไม่ว่างก็ขอหยุดพักผ่อนได้ ชีวิตที่ทำมาหากินและหาเก็บ รับผิดชอบตัวเองและบุคคลในครอบครัว ทำงานทุกวันยังรู้สึกอ่อนล้า ปวดเมื่อย เหนื่อย ท้อแท้ และอีกเยอะแยะมากมายที่เราๆ จะพบเจอ
                 ต่.. สำหรับพระภิกษุรูปนี้  หลวงพ่อธัมมชโย " ท่ี่ชาวโลกนิยมเอ่ยนามของท่านด้วยชื่อ หลวงพ่อธัมมชโย "  สำหรับตัวดิฉันน้ั้นชอบฉายาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อยิ่งนัก "ธัมมชโย" แค่ได้ยินฉายาของท่าน ก็ทำให้ดิฉันมีความรู้สึกว่า ดิฉันพบเจอแล้วครูบาอาจารย์ที่เสาะแสวงหามานาน เจอแล้วผู้ชนะด้วยธรรม ชนะในทุกสิ่งทุกอย่าง นี่แหละคือพระพ่อ พ่อผู้ที่เราจะปักหลักไม่ไปไหนอีกแล้ว
                 สิบปี.. ที่เป็นชาววัดพระธรรมกาย ไม่มีวันไหนเลยที่ดิฉันจะรู้สึกว่าเสียใจ เสียดาย หรือเสียดายกับกาลเวลาที่หายไปในชีวิต มีแต่เสียดายอย่างเดียวว่าเรา " รู้จักวัดช้าไป เราเข้าวัดมาทำความดีช้าไป เราได้พบหลวงพ่อช้าไป "  กว่าจะได้พบครูดีชีวิตก็สะบักสะบอมมาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด 
                 ต่.. ปัจจุบันนึี้ชีวิตดิฉันพบทางสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม  มีหลวงพ่อธัมมชโยเป็นต้นบุญต้นแบบให้เราเดินตามด้วยความมั่นใจ อยู่ต่างประเทศก็ยังมีพระอาจารย์ที่เป็นพระลูกชายของหลวงพ่อธัมมชโย ผู้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นต้นบุญต้นแบบให้เราได้ทำความดีกันอย่างสนุกสนานบุญบันเทิง  
                 หลวงพ่อธัมมชโยที่ดิฉันรู้จัก .. ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน เวลาใด เมื่อไร? ที่ไหน?  ดิฉันก็เห็นแต่ความดีของท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ข้อที่น่าตำหนิ มองหาอย่างไรก็ไม่พบเจอ ไม่ได้เยินยอค่ะ ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักท่านจริง เชื่อสื่อ เชื่อคำพูดที่บอกเล่ามาเพราะมีอคติ หรือมองแบบเร็วๆ แคบๆ มองสั้นประเดี๋ยวประด๋าว แต่ลืมมองให้ละเอียดให้ยาวไกล ขาดการศึกษาที่ถูกต้อง จึงทำให้มองอย่างไรก็มองไม่เห็นความดีของท่าน น่าเสียดายนะ ในบทความนี้ ดิฉันจะขอหยิบยกหัวใจอันยิ่งใหญ่ของท่านมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันสักหนึ่งเรื่อง หนึ่งภารกิจของหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 
                เริ่มด้วย.. มารู้จักงานในโครงการตักบาตรพระ ๒ ล้านรูปกันเถอะนะคะ  โครงการที่ยิ่งใหญ่นี้ เกิดจากโครงการในดำริของพระผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั่นเอง ซึ่งท่านจะได้เห็นภาพกิจกรรมงานตักบาตรทั่วทุกจังหวัดทั่วประเทศอยู่บ่อยๆ ซึ่งการตักบาตรทั่วประเทศนี้ ก็เท่ากับเป็นการทำบุญให้ประเทศไปในตัวด้วยในยุคปัจจุบันนี้ ชีวิต สังคม และความเป็นอยู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ผู้คนส่วนมากใชัชีวิตอยู่ด้วยการทำงาน สภาพจิตใจจะพบเจอกับความเครียดต่อสิ่งที่มากระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตขาดความสมดุลย์มากขึ้น เพราะฉะนั้นการให้ัโอกาสไปร่วมกิจกรรมการตักบาตรจึงมีส่วนช่วยได้เป็นอย่างมาก เพราะการตักบาตรจะช่วยพัฒนาจิตใจให้เราคุ้นเคยกับการเสียสละแบ่งปัน ก่อให้เกิดความสุขใจในฐานะผู้ให้ การได้เห็นพระเป็นจำนวนมากๆ ยังช่วยให้จิตใจมีความชุ่มชื่นเบิกบาน และท่ี่สำคัญการพาครอบครัวไปทำบุญด้วยกัน ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งจะมีผลสืบเนื่องไปถึงความสัมพันธ์อันดีในสังคมอีกด้วย
              ดังนั้นการตักบาตรจึงไม่ได้มีความหมายแค่การไปทำบุญเท่านั้น การจัดตักบาตรในโครงการนี้ สมควรทึ่ีจะจัดตักบาตรไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกหลานได้สืบสานประเพณีการตักบาตรกันต่อไปตราบนานเท่านาน พร้อมกันน้้นยังเป็นการช่วยสร้างความสมดุลย์ให้กับชีวิตทั้งทางด้านจิตใจ สังคมและครอบครัวได้อีกด้วย
             ซึ่การตักบาตรในแต่ละครั้งแต่ละโครงการน้ั้น   ยังแบ่งปันโครงการให้เป็นการรวมพลังชาวพุทธ ได้ส่งกำลังใจไปช่วยเหลือพุทธบุตร ๓๒๓ วัด ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยเหลือแบ่งปันสู่คุณครูผู้เสียสละทำหน้าที่ให้วิชาความรู้แก่เด็กๆ  ประชาชนชาวพุทธที่ยืนหยัดต่อสู้รักษาแผ่นดินเกิดไว้อีกด้วย
            นี่เป็นเพียงตัวอย่างอันน้อยนิด ที่หลวงพ่อธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ส่งเสริมกิจกรรมในการทำความดี และช่วยเหลือสังคม เป็นการสงเคราะห์โลก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
                    ตอนนี้ขอพักไว้ตรงนี้ก่อน ขอท่านผู้อ่านได้โปรดติดตามในตอนต่อไป ....
                    พบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงหลับในอู่ทะเลบุญนะคะ
          


          

          




donderdag 3 maart 2016

ฉันเข้าวัดพระธรรมกายได้อย่างไร?

          
        ดิฉันนับว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่มีพื้นฐานใจในการรักพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก เพราะมีคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นบุญต้นแบบในการรักบุญสร้างความดี ที่บ้านมีการตักบาตรทุกเช้า ทุกวันพระครอบครัวจะหยุดภาระกิจต่างๆ เช่นไม่ตากข้าว ไม่ล่าสัตว์ เข้าวัดทำบุญ และเมื่อกลับมาบ้านก็จะงดการทำกิจการงานต่างๆ เช่นในไร่เป็นต้น 
       จนกระทั่ง... ในวันหนึ่งดิฉันได้รู้จักวัดพระธรรมกายทางอินเทอร์เน็ท และค้นไปเจอการเรียนการศึกษาธรรมะศึกษาของวัด ดิฉันดีใจจนน้ำตาแทบไหล รีบเดินทางไปสมัครเรียนในวันต่อมาที่มีเวลาเลยค่ะ 
       เมื่อไปถึงวัดพระธรรมกาย  อึ้งเลยค่ะ เป็นระเบียบ โล่ง โปร่งตา ไม่สะสมสิ่งของรกวัด เงียบสงบ  ทุกคนพูดด้วยปิยะวาจา  หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไปแล้วอบอุ่นมีความสุข และสิ่งที่ดิฉันจำได้  
คือดิฉันทำบุญกับทางวัดพระธรรมกาย เป็นบุญช่วยผู้ประสบอุทกภัยที่เมืองไทย จำนวนเงิน ๒๐ ยูโร  เป็นการทำบุญครั้งแรกกับวัดพระธรรมกาย
     หลังจากนั้นดิฉันก็เข้าวัดพระธรรมกายมาเรื่อยๆ และก็ดูธรรมะจากจานดาวธรรม  ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ จนกระทั่งปัจุบันนี้ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมเวลาแล้ว ๑๐ ปีด้วยกัน
         ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ วันเวลาที่ได้รู้จักเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย คือหลวงพ่อธัมมชโย 
ท่านเป็นพระพ่อที่มีศีลและจริยาวัตรงดงามยิ่งนัก ท่านเสมอต้นเสมอปลายกับทุกๆ คน ลูกๆ เห็นท่านแล้วสบายใจ ทุกวันที่ดูรายการจากช่อง DMC ธรรมะที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านได้เทศน์สอน ฟังเข้าใจง่าย ปฏิบัติตามได้ผลจริง ทุกวันสอนแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นมงคลสำหรับชีวิต ทุกเรื่องทุกรายการมีประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัย 
       ดิฉันรักวัดพระธรรมกายมาก และรักเคารพเทิดทูนบูชาหลวงพ่อธัมมชโยเป็นอย่างยิ่ง ทำไม? ทำไมถึงรักยิ่งนัก ถ้าจะให้บรรยายรายละเอียดให้ครบ ดิฉันคิดว่าหนึ่งพันหน้ากระดาษA4 นั้นก็ยังน้อยไปสำหรับความดีที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านมีต่อชาวโลก 
        หลวงพ่อธัมมชโย ท่านเป็นพระที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธศาสนายิ่งนัก ท่านเป็นต้นบุญต้นแบบแห่งการเป็นพระแท้ เป็นเนื้อนาบุญแห่งโลก เป็นผู้ที่มีแต่ปิยวาจา อารมณ์ดี ไม่เคยคิดโกรธผู้ใด ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะมีจิตคิดร้ายต่อท่านก็ตาม ท่านยังอบรมสั่งสอนให้ลูกๆ อุบาสก อุบาสิกาและลูกๆ ซึ่งเป็นสาธุชนทั่วโลกของท่านไม่คิดด่าว่าผู้ใด ถึงแม้ผู้นั้นจะโจมตีกล่าวให้ร้ายท่านและวัดพระธรรมกายก็ตาม 
        ตลอดชีวิตของการเป็นพระแท้ของหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเป็นพระผู้เสียสละ ท่านมีแต่ให้กับให้ ความเมตตากรุณาของท่านยิ่งใหญ่กว่านภาและมหาสมุทร โครงการต่างๆ ที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือระดับโลก เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม โล่รางวัลอันทรงเกียรติมากมายที่บุคคลสำคัญมีชื่อเสียง ได้น้อมนำมาถวายแก่หลวงพ่อธัมมชโยทุกปี ทั่วโลกต่างยินดีพร้อมใจกันแซ่ซ้องสรรเสริญในคุณความดีของท่าน ดิฉ้นได้เคยแต่งโคลงชื่นชมยกย่องหลวงพ่อธัมมชโยไว้หลายปีแล้ว จะขอนำมาลงไว้ให้ทุกท่านได้อ่านกัน ณ ที่นี้




                                 
       ผลงานหลวงพ่อนี้              อนันต์กาล

ทั่วทุกโลกจักรวาล                    แซ่ซ้อง

หลวงพ่อคิดโครงการ                ชนชอบ

เกียรติพระพ่อท่านเกริกก้อง    ทั่วหล้า ชัยฉลอง



         ตั้งแต่เริ่มเข้าวัดพระธรรมกาย   ทุกวันนี้ดิฉันมีความสุข  สิบปีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ ภาวะของจิตใจ การจัดระบบของความคิด การมีเหตุผลมากขึ้น การรู้หน้าที่ของการเกิดมาว่าเกิดมาทำไม? มีความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมที่ลึกลับซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งหลายเหล่านี้เป็นต้น
         การเป็นผู้ให้ของหลวงพ่อธัมมชโย ทำให้ท่านเป็นที่รักของชาวโลก ใครๆ ก็อยากคบหา ไปมาหาสู่ ดังคำบาลีที่ได้กล่าวอ้างเป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า...
                                   
        ททมาโน  ปิโย  โหติ    (องฺ.   ปญฺจก.   ๒๒/๔๔.)
        ททํ  ปิโย  โหติ  ภชนฺติ  นํ  ทานํ    (ขุ.   ธ.   ๒๕/๓๘.)

        " ผู้ให้  ย่อมเป็นที่รัก "
       " ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก  คนหมู่มากย่อมคบเขา "

        สรุปความว่า  หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ท่านย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ชุมชนใดมีท่านเป็นที่พึ่งย่อมเจริญรุ่งเรือง ทำให้ผู้ไม่สมบูรณ์ได้กลายมาเป็นผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมประจำตน เพราะมีครูบาอาจารย์ดี ที่เสียสละความสุขสบายส่วนตน มุ่งทำแต่ประโยชน์แห่งมหาชน มหาชนจึงหลั่งไหลเดินทางมาทำบุญกับท่านมากขึ้นๆ เพราะด้วยรักและศรัทธาต่อหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นั่นเอง